ปฏิบัติการลดกระหน่ำยกกรุงแกนนำห้าง

รวมพลนักช็อป ข่าวการปิดปรับปรุงห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว เป็นงานเซลที่นักช็อปรอคอยมาตั้งแต่ต้นปี แต่หลังจากการยกระดับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและเพิ่มความยืดเยื้อมาก ขึ้น ส่งผลให้เกิดงานเซลที่นักช็อปรอคอยเกิดขึ้นอีกหลายจุด

กำหนดการปิดเซ็นทรัลลาดพร้าว ในวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ถูกเลื่อนออกมาจนวันที่ 5 พฤษภาคม และท้ายสุดกับการขยายเวลาถึงที่สุด 30 พฤษภาคม โดยใช้ตัวกระตุ้นยอดขายเป็นส่วนลด 30-90% ภายใต้แคมเปญ Central Lardprao Memorable Sale “เทศกาลลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 30 ปี ลดทั้งห้าง ไม่ให้เหลือ” เพื่อใช้เป็นช่อง ทางหารายได้ ปิดช่องโหว่ของสาขาเซ็นทรัลเวิลด์และเซ็นทรัลชิดลม ที่ได้รับผลกระทบจากม็อบเสื้อแดงไปเต็มๆ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ เซ็นทรัลลาดพร้าวเนื้อหอม แต่การเลื่อนเวลาปิดปรับปรุงอาจหมายถึงเวลาเปิดตัวที่ต้องเลื่อนจากกำหนดการ เดิมในเดือนตุลาคม ออกไป หรือไม่ก็ต้องเปิดตัวในสภาพที่ปรับปรุงยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากไตรมาสสุดท้ายเป็นช่วงเวลาของการสร้างยอดขายหลัก



ยกขบวนเซลออกนอกพื้นที่
หากถนนทุกสายของนักช็อปเคยมุ่งหน้าสู่ เซ็นทรัลลาดพร้าว มาถึงตอนนี้ นักช็อปต้องเงี่ยหูคอยฟังข่าวสาร เพราะมีมหกรรมเซลเกิดขึ้นอีกหลายจุด เพราะไม่เพียงแต่กลุ่มเซ็นทรัลเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่หมายถึงกลุ่มผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ ที่เจองานหนักยิ่งกว่าการแข่งขันห้างคู่แข่งในย่านที่ร้อนแรงตลอดปีอยู่ เมื่อขายในห้างไม่ได้ก็ต้องออกไปขายนอกห้าง สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ จึงสร้างบรรยากาศการช็อปปิ้งด้วยการเปิดพื้นที่ขายนอกศูนย์การค้า
เป็น ครั้งแรกถึง 2 แห่ง ภายใต้แคมเปญ S.O.S. Siam Super Sales “เรายกสยามฯ มาไว้ที่นี่”

ภายใต้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เข็นทัพแบรนด์ไทยเทศระดับแนวหน้ากว่า 200 แบรนด์ ทั้งสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น แอ็กเซสซอรี่อินเทรนด์ เครื่องสำอาง เครื่องเสียง อุปกรณ์กีฬาแบรนด์ดัง สินค้า ตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงสถาบันเสริมความงาม พร้อมส่วน ลดสูงสุด 90% สำหรับสินค้าเก่า และสูงสุด 30% สำหรับสินค้าใหม่ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และทองหล่อ มิดทาวน์ ระหว่างวันที่ 11-16 พฤษภาคม 2553 อีกทั้งยังได้จับมือกับพันธมิตรทาง การเงิน 3 ราย คือ ซิตี้แบงก์ บัตรเครดิต กรุงศรี และบัตร เครดิตธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ร่วมมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้อีกด้วย

สยามฯ เพิ่มงบ 100 ล. ฟื้นกำลังซื้อ

นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามพารากอน เปิดเผยว่า บริษัทดำเนิน มาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากการสูญเสียรายได้ของผู้ ประกอบการร้านค้าภายในศูนย์ฯ

โดยค่าใช้จ่ายในการจัดงานทั้งหมดทั้ง เรื่องค่าเช่าสถานที่ การตกแต่งพื้นที่ โฆษณา และประชาสัมพันธ์ บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ร้านค้า มิต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการเข้าร่วมงานครั้งนี้ และร้านค้าได้ขายสินค้ากับผู้บริโภคโดยตรง ไม่ต้องชำระค่าใช้จ่าย GP ให้แก่บริษัทแต่อย่างใด

บริษัทมุ่งหมายให้ เป็นพื้นที่ทั้ง สองแห่งเป็นสถานที่จำหน่ายและระบายสต็อกสินค้า และช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินของผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไป ได้ในสภาวการณ์ปัจจุบัน ตลอดจนก่อให้เกิดการจ้างงานพนักงานขายของร้านค้าและหากสถานการณ์เข้าสู่ สภาวะปกติ บริษัทยังเตรียมจัดบิ๊กงานอีเวนต์กระหน่ำตลอดทั้งปี ทั้งกิจกรรมคอนเสิร์ต บันเทิงต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมด้าน CSR เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของศูนย์ฯ ต่อไป ภายใต้งบประมาณทางการตลาดรวมในปี 2553 กว่า 400 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท

เอ็มโพเรียมเซลใหญ่ฝั่งตรงข้าม

กลุ่มเดอะมอลล์ถือว่าเป็นศูนย์การค้า ที่มีความได้เปรียบทางด้านพื้นที่เพราะนอกจาก สยามพารากอนแล้ว ยังมีดิเอ็มโพเรียมที่ยังรองรับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์เอาไว้ พร้อมทั้งยังเสริมกำลังพื้นที่ตรงข้ามห้างดิเอ็มโพเรียมด้วยการจัดงาน Fashion mode 1st Round Sale @ Emporium STADIUM สินค้าแฟชั่นชั้นนำ ลดราคาครั้งใหญ่ ระหว่างวันที่ 7-20 พฤษภาคม 2553 บริเวณ เอ็มโพเรียม สเตเดียม ในซอยสุขุมวิท 35 ตรงข้าม ดิเอ็มโพเรียม

นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า จากสถานการณ์การทาง การเมือง ส่งผลต่อการทำการตลาดของสินค้ากลุ่มลักชัวร์รี่แฟชั่น ซึ่ง ดิ เอ็มโพเรียม ในฐานะห้างสรรพสินค้าและศูนย์ การค้าชั้นนำระดับโลก จึงมีแนวคิดในการรวบรวมสินค้าแฟชั่นทั้งแบรนด์ไทย และต่างประเทศกว่า 50 แบรนด์ชั้นนำ มาจำหน่ายภายใต้การจัดโปรโมชั่นสินค้าแฟชั่นราคาพิเศษ โดยลดราคาสูงสุดถึง 80% พร้อมรับสิทธิประโยชน์จากบัตรเครดิตชั้นนำ รับคืนสูงสุด 12%


ศูนย์ฯสิริกิติ์รับทรัพย์เต็มประตู

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กลายเป็นขุมทองของงานเซลในปีนี้ เนื่องจากความพร้อมทางด้านสถานที่และความสะดวกของการเดินทาง หลังจากงานของกลุ่มสยามเซ็นเตอร์แล้ว ยังมีอีกหลายงานที่จ่อคิวลงสนามเซลกันที่นั่น อาทิ กลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัลรีเทล ทั้งโฮมเวิร์ค เพาเวอร์บาย, ซูเปอร์สปอร์ต และบีทูเอส สร้างปรากฏการณ์ความคุ้ม ยิ่งใหญ่ใจกลางเมือง โดยจัดงาน

“โฮมเวิร์ค แอนด์ เพาเวอร์บาย ซูเปอร์เซลส์” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขบวนสินค้าเพื่อบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าไอที กว่า 250 แบรนด์ชั้นนำ มาจำหน่าย พร้อมโปรโมชั่นลดยกเมือง คุ้มเกินพิกัด สูงสุด 80% เอาใจกลุ่มนักช็อป เต็มที่ ระหว่างวันที่ 26-30 พ.ค. 53 เวลา 10.00-22.00 น. โดย 3 วันสุดท้าย เปิดโอกาสให้ช็อปจุใจถึง 22.00 น.


โซนี่จัดรายการยาว 79 วัน

นอกจากกลุ่มห้างสรรพสินค้าจะออกตัวเป็นแกนนำในการเซลเพื่อช่วยเหลือผู้เช่าแล้ว งานนี้แบรนด์ยักษ์ ยังร่วมสนับสนุนการเซลทั่วกรุง อาทิ บริษัทโซนี่ไทย จำกัด กำหนดจัด Sony Days 2010 มหกรรมมอบโชคครั้งใหญ่ 7 วัน 7 รายการ 79 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ถึง 18 กรกฎาคม 2553 ณ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายโซนี่ทั่วประเทศ

นายภิญโญ สงวนเศรษฐกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายผลิตภัณฑ์คอมซูเมอร์ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดเผยว่า การจัดมหกรรมโซนี่เดย์สครั้งนี้ว่า “มหกรรม Sony Days 2010” ที่โซนี่ได้จัดขึ้นในครั้งนี้ มีความพิเศษกว่า ทุกครั้ง เพราะนอกจากจะจัดขึ้นเพื่อสร้างความคึกคักให้แก่ตลาดแล้ว ยังเป็นการขอบคุณลูกค้าซึ่งเป็นผู้มีอุปการคุณต่อโซนี่อีกด้วย เพราะเราจัดขึ้นด้วยคอนเซปต์ 7 วัน 7 รายการ 79 รางวัล นานถึง 79 วัน โดยโซนี่ได้จัดเตรียมรางวัลพิเศษเพื่อมอบให้แก่ลูกค้าทุกวัน ซึ่งรางวัลในวันจันทร์ ถึง วันอาทิตย์ ซึ่งจะไม่เหมือนกันเลย รวมถึงลุ้นรับรางวัลใหญ่ปิดท้ายอีก 3 รางวัล ซึ่งเป็นชุดบันเทิงระบบ 3D ประกอบด้วยทีวีบราเวีย 3D และเครื่องเล่นบลูเรย์ 3D ทั้งนี้ การจัดมหกรรมโซนี่เดย์สของโซนี่ในครั้งนี้ ยังเป็นการตอกย้ำถึงความต้องการของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยังคงขยายตัวอย่าง ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงของการแข่งขันบอลโลก FIFA World CupTM ท่ามกลางสภาวะทางการเมืองในปัจจุบันที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า

คงต้องติดตามกันต่อไป เพราะเรื่องของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จำเป็นต้องใช้เวลานาน ทั้งนี้ผู้ประกอบการห้างต่างหาแนวทางเพื่อฟื้นยอด ในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมด้วยการหามาตรการความช่วยเหลือจากทางภาครัฐ โดยล่าสุด ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ได้เสนอแนวทางการเยียวยา

ผู้ประกอบกับทางรัฐบาล เพื่อขอให้ยกพื้นที่ดังกล่าวเป็น “Vat Free Zone” เป็นเวลา 6 เดือนหลังกลุ่มนปช.เลิกการชุมนุมในพื้นที่ราชประสงค์ ซึ่ง
เป็นแค่ยาชั้นปฐมพยาบาลในขณะที่โรคร้ายขยายตัวเข้าสู่วงโคจรของเศรษฐกิจแล้ว